วันเสาร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

มิติที่ 4





หลายท่านคงอาจสงสัยกับคำถามที่ว่า โลกเราสามารถค้นพบมิติที่ 4 ได้จริงหรือไม่ ปัญหาเหล่านี้ยังเป็นจุดสำคัญที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นหาคำตอบมานานนับหลายศตวรรษ

 ...บางท่านอาจจะได้ยินข่าวมาบ้างแล้วเกี่ยวกับการสร้างหลุมดำเมื่อเดือนก่อน โดยนักวิทยาศาสตร์มีความคาดหวังว่าหากการทดลองนี้ประสบผลสำเร็จ คงจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์อย่างมหาศาล ไหนจะเป็นการค้นพบความลับของห้วงจักรวาล และยังเป็นหลักฐานอ้างอิงได้ว่าโลกเราสามารถพัฒนาเทียบเท่ากับมนุษย์ยุคอวกาศได้อีกด้วย

 ...เราลองย้อนกลับมาทบทวนที่ปริศนาสั้นๆคำนี้ก่อน "มิติที่ 4 คืออะไร" ---มิติที่ 4 คือกาลเวลา ซึ่งมีความสัมพันธ์กับการดำรงชีวิตอยู่ของมนุษย์ เวลาคือการกำหนดช่วงยุคสมัย อีกทั้งยังเป็นตัวการสำคัญในการค้นพบความลับอันน่าทึ่ง  เวลาสามารถมีการบิดเบือนกันได้

 ในที่นี้ขออ้างถึงทฤษฏีสัมพันธภาพของไอสไตน์

 "  ทุกสิ่งทุกอย่างในเอกภพย่อมมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน"  

 และการที่เวลาบิดเบือนไป ก็เป็นเพราะขาดความสมดุลระหว่างตัวมันเอง หากมีวัตถุใดๆอยู่ในสภาวะแวดล้อมเช่นนั้น วัตถุนั้นก็จะอันตรธานหายไปราวกับสาบสูญไร้ซึ่งชีวิต

 แต่เมื่อเวลากลับมาอยู่ในสภาวะสมดุลแล้ว วัตถุนั้นก็จะกลับมาปรากฏให้เห็นดังกับภาพมายา ทั้งที่สิ่งนั้นอยู่ที่เดิม นอกจากนี้เวลาและความเร็วมีความสัมพันธ์กันอย่างน่าทึ่ง

 1."  เวลาที่อยู่ในวัตถุความเร็วสูง จะสั้นกว่าเวลาที่อยู่ในวัตถุความเร็วต่ำ"   ก็เหมือนกับการที่เรานั่งเครื่องบินและรถตุ๊กๆ (ลองจินตนาการดูว่านาฬิกาที่เราสวมใส่ขณะนั้นจะเป็นอย่างไรเมื่อถึงที่หมาย)

2.ความเร็วแสงคือความเร็วสูงสุดที่มนุษย์ค้นพบ และถ้าวัตถุใดเคลื่อนที่ถึงจุดนั้น อัตราเร็วย่อมจะมีค่าเป็น 0 ด้วย แต่ทฤษฏีนี้ยังไม่ค่อยมีคนยอมรับกันนัก ซึ่งหากเรานั่งยานพาหนะที่มีความเร็ว 120000 ไมล์/วินาที แล้ววนรอบโลก 1 รอบ เมื่อกลับลงมาที่จุดเดิมจะพบว่าเวลาบนโลกกินผ่านไปแล้ว 10 ปี




เป็นช่วงเวลาระหว่างกลางของมิติที่ 4 สู่มิติที่5ซึ่งเป็นช่วงอันตราย โดยปฏิทินของชาวมายา

 บทความวันนี้ เป็นข้อมูลเก่าแก่ที่ถูกทิ้งไว้นับพันๆ ปีโดยไม่ มีคนสนใจ ข้อมูลที่มีส่วนหนึ่งพ้องจองกับความเห็นและการคาดการณ์ทาง ด้านวิทยาศาสตร์แห่งยุคใหม่ ที่กล่าวมาข้างบนนั้นอย่างน่าแปลกใจ แต่ส่วนหนึ่งจะเป็นประเด็นทางจิตวิญญาณ โดยเฉพาะการเปลี่ยนย้าย กระบวนทัศน์ของมนุษยชาติและสังคมอย่างน่าสนใจ แม้ว่าอีกส่วนใหญ่ของ ข้อมูลเก่าแก่ที่ว่านี้จะเป็นคำทำนาย (กินเวลายาวนานถึง 64 ล้านปีของอนาคต) ที่อยู่นอกความรู้ความเข้าใจจนเกินไป จนเป็นเหตุให้ข้อมูลถูกโยนทิ้งหรือเก็บไว้จนหลงลืมกันไปทั้งหมด กระทั่งมีการรื้อฟื้นนำมาศึกษาติดตาม กันใหม่เมื่อทศวรรษที่แล้วๆ มานี้เอง

รูปปั้นของชาวมายา คล้ายกับเครื่องบิน

     ข้อมูลส่วนหนึ่งที่น่าสนใจดังกล่าว จึงเป็นเรื่องที่นักศึกษาด้าน ความสัมพันธ์ของวิชาความรู้ต่างสาขาน่าจะลองอ่านดู จริงๆ แล้วข้อมูลทั้ง หมดที่จะนำมาเล่าต่อไปนี้ เป็นกรณีศึกษาของโครงการรายวิชาของสถาบัน ความสัมพันธ์ทางความรู้ที่คณะหนึ่งของมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (California Insitute of Integral Studies) และกำลังเป็นประเด็นร้อนที่พูด กันมากในประเทศตะวันตกในเวลานี้ โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เรียกกันว่ากลุ่ม นิวเอจ (newagers) และกลุ่มวัฒนธรรมสร้างสรรค์ (Cultural Creatives or CC) ด้วย นั่นคือสภาพของความสะท้านสะเทือนระดับโลกที่จะเกิดขึ้น ในปี 2012 และหลังจากนั้น (the shock of 2012) ซึ่งก็เป็นช่วงเวลา เดียวกับช่วงเวลาของการเดินทางของจิตวิญญาณ สู่มิติของธรรมจิตธรรม วิญญาณ (spiritual dimension)


      ข้อมูลดังกล่าว ได้มีการบันทึกเอาไว้ในปฏิทินของชาวเผ่า มายาแห่งอเมริกากลาง (Maya Calendar) มาตั้งแต่ช่วงต้นๆ ของคริสตกาล ชาวมายาเป็นชนเผ่าพันธุ์หนึ่งที่อยู่บริเวณพื้นที่ของกัวเตมาลา และบริเวณที่ เผ่าเซียปาสของเม็กซิโกอาศัยในปัจจุบัน แต่ไม่มีใครรู้ที่มาของชาวมายาว่า มาจากไหน เพราะเป็นชนผิวขาวร่างสูงและจมูกโด่ง มีริมฝีปากบางที่เป็น ตรงกันข้ามกับเผ่าโอลเม็คที่เป็นชนเผ่าเก่าแก่ที่สุดของอเมริกากลาง เป็นตรงกันข้ามในทุกกรณีดังภาพวาดภาพลายปั้นที่หลงเหลือมาตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนคริสต กาล (อารยธรรม La Venta อาจย้อนหลังไปถึง 800 ปีก่อนคริสตกาล) นักมนุษยศาสตร์และนักโบราณคดีบางคนคิดว่า ชาวมายามีที่มาจากชาวกรีกหรืออียิปต์ในยุคหลังๆ (Jonarthan Leonard ; Ancient America, Time- Life Book, 1968) และที่น่าแปลกอีกก็คือ อยู่ๆ ชาวมายาทั้งเผ่าพันธุ์ก็ สลายหายตัวไปโดยไร้ร่องรอยหรือหลักฐานทางวิชาการใดๆ หลงเหลือให้นัก โบราณคดีสืบเสาะได้เลย


      ปฏิทินของชาวมายานั้นเป็นผลของการคำนวณทางดาราศาสตร์ ที่แม่นยำที่สุดยิ่งกว่าปฏิทินใดๆ การคำนวณเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ตามที่ บันทึกไว้นั้น (ชาวมายามีปฏิทินหลักหนึ่งปฏิทิน และมีปฏิทินที่คำนวณ เหตุการณ์ทางดาราศาสตร์อีก 22 ปฏิทิน) ที่มีความแม่นยำอย่างไม่น่าเชื่อ และยังไม่เคยปรากฏว่าผิดไปจากความจริง หรือแตกต่างไปจากการคำนวณ ของนักดาราศาสตร์ในเวลาปัจจุบันแม้แต่รายการเดียว ดังรายละเอียดบาง อย่างของปฏิทินของชาวมายาที่เอามาลงเพื่อให้ผู้อ่านสนใจจะได้พิจารณา และอาจติดตามต่อไปจากเอกสารอ้างอิงไว้ที่ท้ายของบทความนี้

การแสดงถึงวันสิ้นสุดของปฎิทินชาวมายา เป็นการบอกถึงวันสิ้นโลก

       ชาวมายาสามารถคำนวณเวลาของการโคจรของดาวเคราะห์วิ่ง รอบดวงอาทิตย์ ที่ชาวมายารู้แต่แรกว่าเป็นแกนกลางของระบบสุริยะ ระบบที่เป็นเพียงส่วนน้อยส่วนหนึ่งของแขน (arm) หนึ่งของกาแล็กซีที่ชาว มายาบอกว่ามีแกนที่เป็นดวงอาทิตย์ศูนย์กลางอีกดวงหนึ่ง (sun alcione เป็นดาวฤกษ์ในกลุ่มไพลเอดส์) ปฏิทินของชาวมายาระบุว่า ดาวศุกร์ใช้เวลา เดินทางไปรอบดวงอาทิตย์ 584 วัน ซึ่งเท่ากับที่เป็นเวลาที่เรารู้กันทุกวันนี้ หรือบันทึกว่าโลกใช้เวลาเดินทางรอบดวงอาทิตย์หนึ่งรอบหรือหนึ่งปีเท่ากับ 365.2420 วัน ซึ่งตัวเลขที่แท้จริงทางดาราศาสตร์ปัจจุบันคือ 365.2422 วัน ปฏิทินของชาวมายายังระบุว่า ระบบสุริยะมีวัฏจักรของการเคลื่อนที่ไออยู่ใน ระนาบเดียวกัน (ecliptic) กับระนาบของแกนของแขนกาแล็กซีที่กล่าวมา ข้างต้นในทุกๆ 26,000 ปี โดยมีครึ่งหนึ่งของวัฏจักร จะมีวันที่เรียกว่า อะควิน็อกซ์ หรือวันที่มีเวลากลางวันเท่ากับกลางคืนเปลี่ยนไป (เช่นวันที่ 23 กันยายน คือวันอะควิน็อกซ์ของฤดูใบไม้ผลิของปฏิทินของปัจจุบัน) ระบบสุริยะ (รวมทั้งโลกและดาวเคราะห์ทั้งหลาย) จะเข้าสู่ระนาบเช่นนั้นใน เดือนธันวาคม ปี 2012 นี้


หลังจากปี 2012 มีสี่ประการที่จะเกิดขึ้นคือ..
1.มนุษยชาติจะก้าวล่วงเทคโนโลยีที่เราใช้และรู้จักในขณะนี้ แทบทั้งหมด
2.มนุษยชาติจะก้าวล่วงรูปแบบของเวลาและเงินในรูปที่ใช้กัน ในขณะนี้
3.เราจะผ่านเข้าสู่มิติที่ห้าอันเป็นมิติจิตวิญญาณ - จากมิติที่สี่ - วิกฤติที่เจ็บปวด
4.ระนาบของระบบสุริยะจะอยู่ในระนาบเดียวกับระนาบของ กาแล็กซี

ปฏิทินมายาบอกด้วยว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 1987 กระทั่งถึงช่วงปี 2012 เป็นช่วงเวลาระหว่างกลางของมิติที่ 4 สู่มิติที่ 5 ซึ่งเป็นช่วงอันตราย เพราะเป็นช่วงที่จะมีความล่มสลายในทางธรรมชาติ และจิตวิญญาณของชาวโลกส่วนใหญ่ แต่ขณะเดียวกันก็จะมีการเปลี่ยน แปลงทางจิตวิญญาณของคนอีกส่วนหนึ่ง (apocalypse แปลว่าการเปิดเผยที่ หมายถึงวิวัฒนาการทางจิตอีกด้วย) น่าแปลกที่การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของ เวลาจะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของความถี่ของกระแสแม่เหล็กโลก ที่สะท้อนออกมาตามการหมุนรอบตัวเองของโลก (Schumann Resonance ที่เคยคงที่ที่ความถี่ 7.8 เฮิรตซ์ หรือรอบต่อวินาทีทุกวันนี้ได้สูงขึ้นเป็น 11.8 รอบต่อวินาที)
โดยปฏิทินของชาวมายา มิติที่ 5 หรือหลังปี 2012 คือช่วงเวลาที่มนุษยชาติส่วนหนึ่ง จะมีวิวัฒนาการสู่แสงใสกระจ่าง (แปลกอีกที่ใช้คำว่า clear light เช่นเดียวกับในคัมภีร์พีระมิดของอียิปต์ และคัมภีร์มรณศาสตร์ของทิเบต ที่มีความหมายสู่จิตวิญญาณบริสุทธิ์)


2 ความคิดเห็น:

  1. มิติที่4ที่ยังไม่ถูกค้นพบนั้นเพราะเรายังไม่สามารถค้นพบเเม้เเต่นักวิทยาศาสตร์(โรเบริดไอไสตร์)ก็ยังไม่สามารถค้นพบได้มิติที่4อาจจะเป็นมิติที่เวลาบิดเบือนหรือพูดง่ายๆก็คือสามารถข้ามเวลาไปเเต่ละช่วงเวลาได้(มิติควอนตั้ม)สิ่งที่เล็กละดับอะตรอมนั้นน่าจะสามารถเข้าไปยังมิติที่4ได้ตามหลักเเล้วสิ่งที่เล็กกว่าอะตรอมก็มีอยู่ มิติที่4เป็นมิติที่ลึกลับในอนาคตอาจจะมีการทดลองเข้าไปสำเร็จเเต่อาจติดอยู่ในนั้นออกมาไม่ได้ (มันลี้ลับ จากเด็กคนนึงชื่อว่าปาล์ม)

    ตอบลบ
  2. How to play the casino games for free - Dr.MCD
    Most casino games 영천 출장샵 online 나주 출장샵 have some the casino for free without deposits 문경 출장마사지 or risk of losing the 남원 출장마사지 money, 전주 출장마사지 like blackjack, roulette or

    ตอบลบ